รีวิว 11 อันดับ iPhone รุ่นไหนดี ปี 2021

นี่คือ iPhones ที่ดีที่สุดที่คุณซื้อได้ในทุกช่วงราคา

คุณอาจจะคาดหวังอยู่แล้วว่า iPhone ที่ดีที่สุดนั้นต้องเป็นหนึ่งในรุ่นที่ออกจำหน่าย แน่นอนว่าตำแหน่งนี้ตกเป็นของ iPhone 13 Pro Max ขนาด 6.7 นิ้ว รุ่นนี้ถือเป็นรุ่นที่มีศักยภาพสูงสุดจากตระกูล iPhone 13 ทั้งหมด เป็นโทรศัพท์ที่ดีที่สุดที่ Apple เคยผลิตมา และเป็นหนึ่งในโทรศัพท์ที่ดีที่สุดจากแบรนด์ชั้นนำด้วย

แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า iPhone 13 รุ่นอื่น ๆ ที่เหลือ จะไม่ใช่ iPhone ที่ดีที่สุด ในทางกลับกัน รุ่นใหม่ทั้งสี่รุ่นสร้างความประทับใจด้วยแบตเตอรี่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ชิปเซ็ต A15 Bionic ที่เร็วขึ้น และกล้องที่ได้รับการปรับปรุงให้ภาพสวยคมชัดกว่าเดิม ทุกรุ่นได้ออกวางจำหน่ายแล้ว ช่วงนี้จึงเป็นเวลาที่ดีที่สุดในการซื้อ iPhone เครื่องใหม่สำหรับคุณ

เนื่องจาก iPhone 13 รุ่นใหม่ทั้งสี่รุ่นต่างมีความน่าสนใจไม่แพ้กัน รวมทั้งรุ่นก่อนหน้านี้ที่ยังมีจำหน่าย ต่างก็มีความโดดเด่น ดังนั้นคุณอาจจะสงสัยว่ารุ่นไหนที่เหมาะกับคุณมากกว่า? ในรีวิวฉบับนี้ของเราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับคุณสมบัติของแต่ละรุ่นเพื่อหารุ่นที่เหมาะกับความต้องการของคุณที่สุด และถ้า iPhone 13 รุ่นใหม่ไม่ใช่คำตอบ Apple ก็มีรุ่นก่อนหน้านี้วางจำหน่ายในราคาที่ถูกลงให้เลือกมากมาย

นี่คือการจัดลำดับ iPhone ที่ดีที่สุดที่คุณสามารถซื้อได้ในตอนนี้

หลังจากที่ทีมงานของเราได้ตรวจสอบ iPhone 13 ใหม่ครบทั้งสี่รุ่นแล้ว พบว่า iPhone 13 Pro Max เป็น iPhone ที่ดีที่สุดที่คุณสามารถซื้อได้ในตอนนี้ มอบความสมบูรณ์แบบด้วยกล้องที่สวย จอภาพแบบปรับได้ และอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้น ในราคาเริ่มต้นที่ 42,900 บาท (ซึ่งเป็นราคาเปิดตัวเดียวกับ iPhone 12 Pro Max ปีที่แล้ว)

หากคุณต้องการรุ่นที่มีราคาถูกลงอีกหน่อย iPhone 13 ก็ถือเป็น iPhone ที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้มากมาย แม้ว่ารุ่นนี้จะไม่มีจอแสดงผลปรับได้แบบไดนามิกอย่างใน iPhone 13 Pro แต่คุณภาพกล้องก็ทรงพลัง มีแบตเตอรี่ที่ทนนานกว่าเดิม และยังมีจอภาพที่สว่างขึ้น พร้อมกับชิป A15 ที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพยอดเยี่ยม ทุกรุ่นในตระกูล iPhone 13 ล้วนมีความโดดเด่น รวมทั้ง iPhone 13 Pro ที่ทำงานได้อย่างลื่นไหน และ iPhone 13 mini สำหรับขนาดพกพา

สำหรับรุ่นก่อนหน้านี้ที่ยังมีจำหน่าย คุณสามารถเลือกซื้อ iPhone 12 หรือ iPhone 12 mini ได้ในราคาที่ถูกลงกว่าเดิมประมาณ 3,000-4,000 บาท โดยเฉพาะ iPhone 12 mini ที่มีราคาคุ้มค่า เริ่มต้นเพียง 21,900 บาทเท่านั้น และยังมี iPhone 11 และ iPhone SE ที่สามารถซื้อได้ในราคาต่ำกว่า 20,000 บาทด้วย

ไม่มีรุ่นไหนจะดีไปกว่า iPhone 13 Pro Max ซึ่งเป็น iPhone ที่ดีที่สุดในขณะนี้จาก Apple ความเปลี่ยนแปลงในรุ่นนี้คือการเพิ่มจอแสดงผลแบบปรับอัตราการรีเฟรชได้โดยอัตโนมัติในระดับ 10Hz จนถึง 120Hz ตามกิจกรรมการใช้งาน เมื่อรวมเข้ากับแบตเตอรี่ที่ใหญ่ขึ้นและโปรเซสเซอร์ AT 15 Bionic ที่มีประสิทธิภาพกว่าเดิม ทำให้ iPhone 13 Pro Max มีอายุการใช้งานยาวนานกว่า 12 ชั่วโมงในการทดสอบแบตเตอรี่ของเรา ซึ่งนานกว่าหลาย ๆ รุ่น

คุณสมบัติเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่น่าประทับใจ แต่จุดเด่นที่แท้จริงของ iPhone 13 Pro Max คือกล้องถ่ายรูปพร้อมเลนส์ด้านหลังสามตัว แต่ Apple ได้เพิ่มเซ็นเซอร์ที่ใหญ่กว่าเดิมเพื่อให้รับแสงได้มากขึ้น ปรับรายละเอียดและสีจากพื้นที่ที่ดูมืดในภาพ เลนส์เทเลโฟโต้ในรุ่นนี้ก็ได้รับการปรับปรุงเช่นกัน นอกจากนี้ iPhone 13 Pro Max ยังรองรับการซูมแบบออปติคอล 3 เท่าด้วย

การจะหาข้อบกพร่องของรุ่นนี้เป็นสิ่งที่ค่อนข้างยาก และคุณอาจจะเป็นหนึ่งในหลาย ๆ คนที่อยากให้ Apple เอาคุณสมบัติ Touch ID กลับมา แต่คุณสมบัติอื่น ๆ บน iPhone 13 Pro Max ก็ได้สร้างความประทับใจในฐานะผู้ผลิตโทรศัพท์ชั้นนำในอุตสาหกรรม

iPhone ที่ดีที่สุดสำหรับหลาย ๆ คนคือ iPhone 13 รุ่นนี้ที่ราคาเริ่มต้น 29,900 บาท มีคุณสมบัติโดดเด่นหลายอย่างในราคาที่เหมาะสม แม้จะไม่มีหน้าจอที่รีเฟรชเร็วแบบรุ่น Pro ก็ก็มีประสิทธิภาพยอดเยี่ยม คุ้มค่าต่อการอัปเกรดจากรุ่นเก่า

หนึ่งในสิ่งที่ดีที่สุดเกี่ยวกับรุ่นนี้คือพื้นที่เก็บข้อมูล เริ่มต้นที่ 128GB ดังนั้นจึงเพียงพอสำหรับการใช้งานพื้นฐานโดยไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม ตัวเครื่องใช้โปรเซสเซอร์ A15แบบเดียวกับใน iPhone 13 Pro ที่เป็นประสิทธิภาพที่ดีที่สุด ทำให้ iPhone 13 ทำงานได้ราบรื่นมากกว่าอุปกรณ์ Android รุ่นยอดนิยมหลายรุ่น

ความโดดเด่นของ iPhone 13 ก็คือคุณภาพของกล้อง เช่นเดียวกับ iPhone 13 รุ่นอื่น ๆ เซ็นเซอร์ที่ใหญ่ขึ้นทำให้คุณสามารถสนุกกับการถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดีกว่าเดิม พร้อมคุณสมบัติพิเศษอย่างโหมด Cinematic ที่เปลี่ยนโฟกัสได้อัตโนมัติขณะถ่ายวิดีโอ ถือเป็นคุณสมบัติที่น่าประทับใจในราคาที่ดีมาก ๆ

iPhone 13 Pro เป็นโทรศัพท์ที่ยอดเยี่ยมใกล้เคียงกับ iPhone 13 Pro Max ในหลาย ๆ ด้าน มีขนาดเล็กกว่าเพียงเล็กน้อย และราคาถูกกว่าประมาณ 4,000 บาท ทั้งนี้ iPhone 13 Pro ทั้งสองรุ่นมีความแตกต่างบางส่วนเท่านั้น คุณจึงสามารถเลือกซื้อขนาดที่คุณชื่นชอบได้ ซึ่งรุ่นโปรจะมีหน้าจอขนาด 6.1 นิ้ว ในราคาเริ่มต้นที่ 38,900 บาท

คุณจะได้รับจอแสดงผลรีเฟรชแบบไดนามิกแบบเดียวกับใน iPhone 13 Pro Max รุ่นนี้ยังมาพร้อมกับแบตเตอรี่ที่ใหญ่กว่า ซึ่งทาง Apple ไม่ได้แจ้งขนาดไว้ แต่สามารถใช้งานได้นาน 11.5 ชั่วโมงในการทดสอบของเรา การปรับปรุงกล้องของ iPhone 13 Pro Max ก็เป็นสิ่งที่คุณจะได้ใช้บน iPhone 13 Pro เช่นกัน รวมทั้งโหมด Cinematic ที่น่าทึ่งด้วย

เราเชื่อว่า iPhone 13 Pro จะเป็นรุ่นที่เหมาะกับคุณหากคุณต้องการคุณสมบัติที่ดีที่สุดที่ Apple มอบให้ ในขนาดที่เล็กกว่า iPhone 13 Pro Max

iPhone 13 mini เป็นโทรศัพท์รุ่นพกพาที่ทรงพลังที่สุดจาก Apple ในตอนนี้ ด้วยชิปเซ็ต A15 Bionic ที่ขับเคลื่อน iPhone 13 ทุกรุ่น ทำให้คุณได้รับประสิทธิภาพที่ดีที่สุดในขนาดกะทัดรัด หน้าจอ 5.4 นิ้ว และยังเป็นรุ่นที่มีราคาเริ่มต้นเบาที่สุดในตระกูล iPhone 13

อย่างไรก็ตาม โทรศัพท์ขนาดพกพาอาจจะไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน และจอแสดงผลจะไม่มีการรีเฟรชแบบไดนามิกอย่างในรุ่น iPhone 13 Pro แต่สิ่งที่ iPhone 13 mini มอบให้ก็มีความน่าสนใจมากมาย ตั้งแต่เซ็นเซอร์กล้องที่ใหญ่ขึ้น หน้าจอแสดงผลที่สว่างกว่าหน้าจอของรุ่นเดิมอย่าง iPhone 12 mini และอายุการใช้งานแบตเตอรี่ก็ดีขึ้นเล็กน้อยด้วย

มีข่าวลือว่ารุ่นนี้อาจเป็นโทรศัพท์ขนาดเล็กเครื่องสุดท้ายที่ Apple จะผลิต ถ้าหากเป็นขนาดที่คุณชอบ ในงบประมาณที่คุณตั้งไว้ iPhone 13 mini ก็เป็นรุ่นที่เหมาะกับคุณ

iPhone 12 Pro Max คือจุดสุดยอดของ iPhone โดยเฉพาะถ้าคุณกำลังมองหาจอภาพที่ใหญ่ขึ้น โทรศัพท์รุ่นนี้มีคุณสมบัติครบทุกอย่าง เริ่มต้นด้วยจอแสดงผล OLED ขนาด 6.7 นิ้ว ที่สวยงามสดใสและมีสีสัน เข้ากันได้ดีกับระบบกล้องที่ดีที่สุดสำหรับการถ่ายภาพและเพลิดเพลินกับภาพถ่ายและวิดีโอเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนในระดับเดียวกัน

Pro Max มีคุณสมบัติกล้องที่ยอดเยี่ยมเหมือนกับ iPhone 12 Pro ทั่วไป รวมถึง Smart HDR 3, Magic Fusion ที่ปรับปรุงเพื่อรายละเอียดภาพที่ดีขึ้น ระบบการถ่ายภาพบุคคลใช้ได้ในโหมดกลางคืนผ่านเซ็นเซอร์ LiDAR ใหม่ และยังได้เซ็นเซอร์หลักที่ใหญ่ขึ้น เพื่อประสิทธิภาพที่ดีขึ้นในสภาพแสงน้อย พร้อมการซูมออปติคอล 2.5x ที่ยาวขึ้นด้วย

อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ iPhone 12 Pro Max เป็นรุ่นที่คุ้มค่าคืออายุการใช้งานแบตเตอรี่ เครื่องนี้ใช้งานได้เกือบ 11 ชั่วโมงในการทดสอบด้วยการท่องเว็บบน 5G โดยทีมงานของเรา ซึ่งนานกว่า iPhone 12 Pro ปกติเกือบ 2 ชั่วโมง A14 Bionic ที่รวดเร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัดการ เชื่อมต่อ 5G และจอแสดงผล Ceramic Shield แบบสัมผัสทำให้คุณสมบัติต่าง ๆ ของอุปกรณ์รุ่นนี้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น

Apple ใส่ประสิทธิภาพการทำงานในรุ่น iPhone 12 Pro ไว้อย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับรุ่นอื่น ๆ ในตระกูล iPhone 12 รุ่นนี้ทำงานบน A14 Bionic จึงเป็นระบบโปรเซสเซอร์มือถือที่เร็วที่สุดที่เราได้ทดสอบ มีการรองรับ 5G ไม่ว่าผู้ให้บริการจะสร้างเครือข่ายแบบไหน กล้องถ่ายรูปหลังสามตัวแบบเดียวกับ iPhone Pro รุ่นก่อน ๆ มาพร้อมเซ็นเซอร์ LiDAR เพื่อการปรับปรุงคุณสมบัติด้านการถ่ายภาพ Apple ทำทั้งหมดนี้ได้พร้อมกับการรักษาราคาไว้ที่ประมาณ 32,000 บาท

คุณจะไมได้รับที่ชาร์จในรุ่นนี้ แต่ iPhone 12 ยังรองรับอินเทอร์เฟซ MagSafe ใหม่ของ Apple ใช้แผ่นชาร์จไร้สายแนบกับโทรศัพท์ด้วยแม่เหล็ก เพื่อประสบการณ์การชาร์จที่สม่ำเสมอมากยิ่งขึ้น หรือเลือกซื้อที่ชาร์จเร็ว 20W สำหรับชาร์จ 50% ใน 30 นาที ซึ่งอาจเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับคุณหากมีการเชื่อมต่อ 5G ต่อเนื่อง ทำให้แบตเตอรี่หมดเร็ว

กล้องใน iPhone 12 Pro เป็นสิ่งที่สร้างความประทับใจได้อย่างมาก โดยเฉพาะโหมดแนวตั้งที่ใช้งานได้ในเวลากลางคืน คุณยังสามารถใช้โหมดกลางคืนกับทั้งกล้อง Ultra-Wide และกล้อง TrueDepth ด้านหน้าได้ หากคุณต้องการสิ่งที่ดีที่สุดที่ Apple มีให้ โดยไม่ต้องจ่ายมากกว่า 35,000 บาท เราขอแนะนำโทรศัพท์รุ่นนี้

หากคุณกำลังมองหา iPhone ขนาดกะทัดรัด ก็อย่ามองข้าม iPhone 12 mini รุ่นนี้เป็นโทรศัพท์ที่เล็กที่สุดที่ Apple ผลิต มีขนาดเล็กกว่า iPhone SE แต่ก็ไม่ได้ลดคุณสมบัติในเครื่องลง โปรเซสเซอร์ที่ใช้เป็น A14 ตัวเดียวกันแบบที่พบใน iPhone 12 รุ่นอื่น ๆ กล้องด้านหลังของ iPhone 12 mini นั้นก็น่าประทับใจเทียบเท่ากับกล้องใน iPhone 12 ที่ใหญ่กว่า

iPhone 12 mini มีการเชื่อมต่อ 5G เช่นเดียวกับ iPhone 12 รุ่นที่เหลือจึงสนับสนุนมาตรฐานเครือข่ายที่เร็วขึ้น ซึ่งรวมถึง Wave 5G ที่น่าประทับใจเป็นพิเศษ เมื่อพิจารณาจากจำนวนเสาอากาศที่ Apple ต้องใส่ลงในโทรศัพท์ขนาดกะทัดรัดรุ่นนี้ มีราคาที่น่าดึงดูดใจที่สุดสำหรับ iPhone รุ่นใหม่ โดยเริ่มต้นเพียง 22,000 บาท โดยรวมแล้ว iPhone 12 mini เป็นหนึ่งใน iPhone ที่ดีที่สุด เพราะการออกแบบนั้นแปลกใหม่มาก และการเพิ่มตัวเลือกสีม่วงให้กับสีดั้งเดิมทั้ง 5 สี ทำให้คุณได้ iPhone ที่เข้ากับรสนิยมของคุณมากขึ้น

รวมคุณสมบัติชั้นนำของ iPhone กับหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น

iPhone 12 มีคุณสมบัติที่ดีที่สุดหลายประการอย่างที่คุณจะพบใน iPhone 12 Pro ในราคาที่น้อยกว่า รุ่นนี้มีราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 6,000 บาท บางคุณสมบัติของรุ่น Pro ที่พลาดไปก็ไม่ได้ถือว่าเยอะมากถ้าสุดท้ายคุณตัดสินใจเลือกซื้อรุ่นนี้

iPhone 12 มี A14 Bionic แบบเดียวกัน และมีการเชื่อมต่อ 5G แบบรุ่น Pro ที่มีราคาแพงกว่า คุณจะได้รับกล้องเพียงสองตัวใน iPhone 12 แต่กล้องเหล่านั้นทำงานได้ดีกว่ารุ่นเดิมด้วยการปรับปรุงซอฟต์แวร์ของ Apple เลนส์ 7 ชิ้นแบบใหม่ในกล้องหลัก จะทำงานร่วมกับรูรับแสงที่กว้างกว่าเดิม ทำให้ภาพถ่ายที่ดีขึ้นในที่แสงน้อย และมีภาพที่คมชัดยิ่งขึ้นโดยรวม

แผง LCD ที่ Apple ใช้ใน iPhone 12 รุ่นก่อนจะไม่มีในรุ่นนี้แล้ว เพราะถูกแทนที่ด้วยหน้าจอ OLED ในขนาด 6.1 นิ้วเหมือนเดิม คุณยังคงถูกจำกัดพื้นที่เก็บข้อมูลไว้ที่ 64GB ในรุ่นพื้นฐาน และไม่มีที่ชาร์จให้มากับตัวโทรศัพท์ อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้ที่เป็นส่วนเสริมที่ยอดเยี่ยมสำหรับ iPhone และ Apple ก็เพิ่มความตื่นเต้นด้วยสีใหม่ที่เป็นสีม่วง ร่วมกับตัวเลือกสีอื่น ๆ อีกห้าสีสำหรับ iPhone 12 ด้วย

iPhone 11 ไม่ใช่รุ่นล่าสุดอีกต่อไปหลังจากที่ iPhone 12 รุ่นใหม่ของ Apple เข้ามาแทนที่ แต่ก็ยังเป็นรุ่นที่มีจำหน่ายอยู่ และมีราคาต่ำสุดที่เคยมีมา ประมาณ 19,000 บาท ด้วยราคานี้และ A13 Bionic ที่ประสิทธิภาพทรงพลังมากกว่าโทรศัพท์ Android ที่เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นาน ก็ทำให้เป็นราคาที่คุ้มค่าแม้จะเป็นการซื้อหนึ่งปีให้หลัง นับจากการเปิดตัวของ iPhone 11

รุ่นนี้จะเปลี่ยนเอาเลนส์ telephoto ออก เช่นเดียวกับใน iPhone 12 เนื่องจาก iPhone 11 มีมุมกว้าง 12 MP และกล้องถ่ายภาพมุมกว้างพิเศษ แต่คุณยังสามารถใช้เอฟเฟกต์กล้องแบบเดียวกันได้กับส่วนที่เหลือของตระกูล iPhone 11 รวมถึงการถ่ายภาพบุคคล เซลฟี่มุมกว้างพิเศษ และโหมดกลางคืน เพื่อการถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดียิ่งขึ้น คุณจะได้รับอายุการใช้งานแบตเตอรี่มากกว่า 11 ชั่วโมงจาก iPhone 11 รุ่นนี้ แม้ว่าคุณจะต้องซื้อที่ชาร์จเร็วที่จำหน่ายแยกต่างหาก เหมาะสำหรับการชาร์จแบตสำรองในเวลาที่เร็วที่สุด

SE เป็นรุ่นยอดนิยมมาโดยตลอด ทำให้ทาง Apple จัดจำหน่าย iPhone SE อีกครั้งภายในสี่ปีหลังจากเปิดตัว iPhone ขนาดกะทัดรัดราคาประหยัดดั้งเดิม iPhone SE ในปี 2020 มีขนาดใหญ่กว่าเมื่อก่อนเล็กน้อย โดยใช้หน้าจอขนาด 4.7 นิ้วและดีไซน์ของ iPhone 8 ที่เลิกผลิตไปแล้ว แต่ยังคงไว้ซึ่งราคาที่ต่ำ เหมาะสำหรับผู้ใช้ iPhone ที่มองหาเครื่องราคาถูกลง

สิ่งที่ทำให้ iPhone SE น่าสนใจ ไม่ใช่แค่ราคาเท่านั้น แต่ยังมี A13 แบบเดียวกันที่คุณจะพบใน iPhone 11 ดังนั้น iPhone SE จะยังคงเป็นโทรศัพท์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับอีกหลายปีในการใช้งาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการอัปเดตระบบ iOS ที่มักจะเพิ่มคุณสมบัติใหม่ คุณจะมีกล้องด้านหลังเพียงตัวเดียวในโทรศัพท์รุ่นนี้ แต่ก็เป็นกล้องที่มีคุณภาพดี ใช้ Neural Engine ของ A13 ถ่ายภาพด้วยคอมพิวเตอร์เพื่อปรับปรุงภาพถ่ายของคุณ

แบตเตอรี่ iPhone รุ่นนี้ไม่ใช่รุ่นที่มีอายุการใช้งานยาวนานที่สุด ตามที่พบในการทดสอบแบตเตอรี่ของ iPhone SE ในปี 2020 และเราอยากให้มีการพัฒนากล้องที่รองรับโหมดกลางคืนของ Apple เพื่อการถ่ายภาพในที่แสงน้อยให้คมชัดขึ้น แต่ถ้าคุณต้องการคุณภาพระดับพรีเมียมในโทรศัพท์ที่มีขนาดพอดีมือ iPhone SE ก็เป็นรุ่นที่ตอบโจทย์

หากหน้าจอขนาดเล็กของ iPhone SE ไม่ใช่สิ่งที่คุณมองหา คุณยังสามารถซื้อ iPhone ที่มีจอแสดงผลขนาดใหญ่กว่าและยังมีราคาที่เอื้อมถึงได้ ราคาของ iPhone XR ตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 15,000 บาท แม้ว่าจะเปิดตัวมาแล้วสองปี แต่ก็ยังเป็นตัวเลือกสำหรับผู้ที่เลือกลดคุณสมบัติบางอย่างเพื่อซื้ออุปกรณ์ที่มีราคาไม่แพงได้ ที่จริงแล้ว iPhone XR นั้นอาจจะคุ้มค่ากว่า iPhone SE ด้วย

รุ่น XR มีแผง LCD ไม่ได้เป็นหน้าจอ OLED ที่พบใน iPhone รุ่นใหม่กว่า คุณจะต้องใช้กล้องด้านหลังเลนส์เดียวแทนกล้องใน iPhone 11 และ iPhone 12 ที่มีขนาดใกล้เคียงกันแต่มีเลนส์สองตัว สำหรับผู้ใช้จำนวนมาก สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ถือเป็นสิ่งที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากคุณสมบัติที่ได้รับในราคาโดยรวม

แม้ว่า iPhone รุ่นใหม่กว่าจะมีการทำงานที่เร็วกว่า แต่ A12 Bionic ที่ให้พลังงานกับ iPhone XR ก็ยังทำงานได้ดี iPhone XR ยังมีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนาน ให้ผลเช่นเดียวกับผลการทดสอบ iPhone 11 ของเรา และช้ากว่า iPhone 11 Pro Max เพียง 15 นาทีเท่านั้น ซึ่งเป็นรุ่นที่สามารถใช้ได้เป็นเวลา 11 ชั่วโมง 40 นาที หากคุณให้ความสำคัญกับการออกแบบ คุณจะประทับใจกับสีสันที่สดใสของ iPhone XR ด้วย แม้ว่า iPhone XR ไม่ได้มีขนาดกะทัดรัดมากนัก แต่ก็เป็นรุ่นที่ให้ความสมดุลระหว่างราคาและประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม

วิธีที่ดีที่สุดในการพิจารณาว่า iPhone ที่เหมาะกับคุณว่าเป็นรุ่นไหน คือการตรวจสอบคุณสมบัติและความสามารถในการใช้งานที่สำคัญที่สุดสำหรับคุณ หากคุณต้องการรุ่นที่มีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนานที่สุด ควรเลือกซื้อ iPhone ที่มีขนาดใหญ่หรือมีอายุแบตเตอรี่ยาวนาน แต่ละรุ่นจะมีขนาดแบตเตอรี่ที่เหมาะกับขนาดหน้าจอเพื่อให้มีพลังงานเพียงพอ ด้วยระบบ iOS ที่ขึ้นชื่อเรื่องประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน คุณยังมั่นใจได้กับแบตเตอรี่ที่มีประสิทธิภาพ แม้แต่รุ่นที่มีขนาดเล็กก็ใช้งานได้นานกว่าค่าเฉลี่ย

หากคุณเลือกซื้อ iPhone เครื่องใหม่โดยพิจารณาจากคุณภาพของกล้อง รุ่น Pro ก็เป็นตัวเลือกที่เราแนะนำ ด้วยการออกแบบเลนส์สามตัว จะช่วยให้คุณถ่ายภาพในมุมมองต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลาย ตั้งแต่ภาพมุมกว้างพิเศษที่ซูมได้ชัดเจน จนถึงภาพระยะใกล้ที่มีรายละเอียดครบถ้วน นอกจากนี้ยังใช้งานได้ดีในสภาวะที่มีแสงจำกัด เช่น ในที่ร่ม หรือช่วงกลางคืน เป็นต้น

แต่ถ้าราคาเป็นปัจจัยที่สำคัญในการเลือกซื้อ คุณจะได้รับข้อเสนอที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับ iPhone SE 2020 หรือ iPhone 11 ที่มีการปรับราคาหลังจากรุ่นใหม่ออกมา แม้ว่าจะเป็นรุ่นราคาประหยัดเทียบกับผลิตภัณฑ์จาก Apple รุ่นอื่น ๆ แต่ก็ยังเป็นรุ่นยอดนิยม และมีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะใช้งานได้นานหลายปี

นอกจากนี้ คุณยังสามารถเลือกซื้อได้ทั้ง iPhone 11 และ iPhone 12 mini ที่มีราคาไม่เกิน 25,000 บาท พื้นที่จัดเก็บของสองรุ่นนี้จะเริ่มต้นที่ 64GB ดังนั้นคุณอาจจะต้องจ่ายเงินเพิ่มอีกเล็กน้อยเพื่อให้ได้พื้นที่มากขึ้น หรือเลือกซื้อรุ่นใหม่อย่าง iPhone 13 ที่มอบพื้นที่จัดเก็บข้อมูลพื้นฐานเริ่มต้นที่ 128GB

หากคุณซื้อ iPhone เครื่องใหม่ผ่าน Apple คุณอาจจะได้รับส่วนลดจากการแลกเปลี่ยนโทรศัพท์เครื่องปัจจุบัน สำหรับการซื้อเครื่องใหม่ได้ตั้งแต่หลักพันจนถึงหลักหมื่นบาท สำหรับคนที่มี iPhone 8 ขึ้นไป หากเครื่องเก่าของคุณยิ่งเป็นรุ่นใหม่ ส่วนลดที่ได้ก็จะเพิ่มขึ้นด้วย

หลังจากที่ Apple ได้เปิดตัว iPhone 13 ใหม่ ก็เป็นที่รู้กันว่ารุ่นเก่าที่ยังจัดจำหน่ายก็จะลดราคาลง ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบสำหรับคนที่สนใจซื้อโทรศัพท์เหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็น iPhone 12, iPhone 12 mini และ iPhone 11 (ทั้งนี้ iPhone XR เครื่องใหม่จะไม่ได้มีจำหน่ายผ่าน Apple อีกต่อไป)

iPhone ทั้งหมดในบทความรีวิวนี้สามารถใช้ iOS 15 ได้ โดยคุณจะต้องอัปเดตบน iPhone 11 และ iPhone 12 คุณสามารถอ่านรีวิวระบบ iOS 15 ฉบับเต็มล่าสุดสำหรับข้อมูลและคุณสมบัติต่าง ๆ ที่คุณจะได้รับ

เราประเมิน iPhone เป็นเวลาหลายวันด้วยการใช้งานจริงในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน เช่นเดียวกับการทดสอบสมาร์ทโฟนรุ่นอื่น มีการเปรียบเทียบโทรศัพท์ของ Apple โดยใช้แอปวัดประสิทธิภาพที่ช่วยให้เราสามารถเปรียบเทียบประสิทธิภาพของ iPhone กับความสามารถของอุปกรณ์ Android ได้

นอกจากการทดสอบมาตรฐานของเราแล้ว เรายังทำลองใช้ในโลกแห่งความเป็นจริง พร้อมทดสอบการแปลงรหัสวิดีโอใน Adobe Premiere Rush ที่เปรียบเทียบความเร็วในการประมวลผลของ iPhone กับอุปกรณ์อื่น ๆ ด้วย

เราใช้เครื่องวัดแสงเพื่อดูคุณภาพการแสดงผล เช่น ความสว่าง และความแม่นยำของสี ในการประเมินการแสดงผลของ iPhone ที่ดีที่สุด การทดสอบแบตเตอรี่ของเรากำหนดอายุการทำงานด้วยการสตรีมหน้าเว็บผ่านเครือข่าย LTE อย่างไม่มีที่สิ้นสุด จากนั้นเราจะชาร์จ iPhone เพื่อดูว่าชาร์จแบตได้เร็วแค่ไหนในช่วงเวลา 15 นาที

ในการเปรียบเทียบกล้องถ่ายรูป เราได้นำ iPhone ที่เราตรวจสอบและใช้ถ่ายภาพด้วยการตั้งค่าที่หลากหลาย นอกจากนี้ยังเอารูปจากสมาร์ทโฟนที่ใกล้เคียงกันมาเทียบด้วย เพื่อดูว่าผลลัพธ์ภาพถ่ายของ iPhone นั้นเป็นอย่างไร

นอกจากนี้ เรายังสำรวจการพัฒนาระบบ iOS ของ Apple ทดสอบประสิทธิภาพการเล่นเกม และประเมินลำโพงของโทรศัพท์ ปัจจัยแต่ละอย่างเหล่านี้ทั้งหมด เป็นส่วนในการตัดสินขั้นสุดท้ายของเรา

Write a Comment