รวม 10 มือถือกล้องดีที่สุดในโลกจากการจัดอันดับของ DxOMark อัปเดตล่าสุดมีนาคม 2018 รุ่นใดจะติดทำเนียบ Top 10 บ้างมาดูกัน! ::

รวม 10 มือถือกล้องดีที่สุดในโลกจากการจัดอันดับของ DxOMark อัปเดตล่าสุดมีนาคม 2018 รุ่นใดจะติดทำเนียบ Top 10 บ้างมาดูกัน!

เพิ่งจะเข้าสู่ปี 2018 มาได้ 3 เดือนเท่านั้นแต่ก็มีสมาร์ทโฟนรุ่นเล็กรุ่นใหญ่เปิดตัวออกมาหลายรุ่น แต่ละรุ่นก็มีจุดขายแตกต่างกันไป แต่คุณสมบัติอย่างหนึ่งที่แต่ละแบรนด์พยายามแข่งขันกันมาตลอดก็คือความสามารถด้านการถ่ายภาพ โดยเฉพาะในหมู่สมาร์ทโฟนเรือธงซึ่งในปีนี้แต่ละแบรนด์ต่างก็งัดเอาเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดมาใส่ไว้ในกล้องดิจิทัลบนสมาร์ทโฟนของตัวเองกันอย่างเต็มที่ และแน่นอนว่าเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำเนียบมือถือกล้องเทพ Top 10 ของ DxOMark ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญการทดสอบกล้องระดับโลกจะต้องมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นแน่นอน ในวันนี้ทีมงาน Thaimobilecenter จึงขอพาทุกท่านไปอัปเดต 10 อันดับสมาร์ทโฟนที่ได้รับคะแนนการประเมินจาก DxOMark สูงที่สุดประจำเดือนมีนาคมนี้กันครับ

สมาร์ทโฟนกล้องเทพอันดับหนึ่งตกเป็นของ Samsung Galaxy S9+ ที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นานนี้ แม้ว่ารูปร่างหน้าตาภายนอกจะไม่ได้แตกต่างไปจากเดิมเท่าไรนัก แต่ฟังกันต่างๆ ได้รับการอัปเกรดขนานใหญ่ ตั้งแต่กล้องคู่ด้านหลังความละเอียด 12+12 ล้านพิกเซลที่มาพร้อมระบบใหม่ Adaptive Aperture ที่สามารถสลับขนาดรูรับแสงได้ระหว่าง F/1.5 กับ F/2.4 ทำให้ควบคุมแสงของภาพได้ดีขึ้นทั้งในที่สว่างและในที่มืด นอกจากนี้ยังอัปเกรดระบบประมวลผลภาพ เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ เข้าไป หนึ่งในนั้นคือการบันทึกวิดีโอ slow-motion ที่ 960 fps ซึ่งสูงที่สุดแล้วในวงการสมาร์ทโฟน ณ ปัจจุบัน (เทียบเท่า Xperia XZ2) ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้จึงทำให้ Samsung Galaxy S9+ คว้าที่หนึ่งไปครองในที่สุด

- ตัวเครื่องมีขนาด 158.1x73.8x8.5 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 189 กรัม

- หน้าจอแสดงผลแบบ Super AMOLED ขนาด 6.2 นิ้ว ไร้ขอบแบบ Infinity Display ความละเอียดระดับ WQHD+

- ชิปเซ็ตประมวลผล Octa-Core 64-bit Exynos 9810

- หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 6GB

- หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 64GB, 128GB และ 256GB พร้อมรองรับการ์ดหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD สูงสุดที่ขนาด 400GB

- กล้องดิจิทัลด้านหลัง Super Speed Dual Pixel แบบคู่ (Dual-Camera) ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล (เลนส์ Wide+Telephoto) พร้อมไฟแฟลช LED, ฟีเจอร์ Live Photo, รองรับระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ Dual-OIS, เลือกค่ารูรับแสงของเลนส์ได้ 2 ระดับ F/1.5 และ F/2.4 รวมถึงฟังก์ชันบันทึกวิดีโอความละเอียดสูง แต่ใช้พื้นที่น้อยลง (H.265) และ Super Slow Motion 960 fps พร้อม Auto Motion Detection

- กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล โดยมีขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/1.7

- แบตเตอรี่ความจุ 3500 mAh พร้อมรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว และ Wireless Charging

- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 8.0 Oreo

- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Scanner)

- เซ็นเซอร์สแกนม่านตา (Iris Scanner)

- รองรับการใช้งานบนเครือข่าย 4G LTE (Gigabit LTE Cat.18 รองรับความเร็วเครือข่ายสูงสุด 1.2 Gbps)

- รองรับการใช้งานพร้อมกัน 2 ซิมการ์ด (Dual-SIM)

- ลำโพง Stereo แบบคู่จาก AKG และระบบเสียง Dolby Atmos

- รองรับบริการ Samsung Pay

- คุณสมบัติการป้องกันน้ำ และป้องกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68

- Bixby Vision 2

- มีตัวเลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีดำ (Midnight Black), สีม่วง (Lilac Purple) และสีฟ้า (Coral Blue)

อันดับ 2 ที่ตามมาติดๆ ได้แก่ Google Pixel 2 ที่เคยสร้างความฮือฮามาแล้วกับโหมด Portrait ที่เบลอหลังได้อย่างชาญฉลาดแม้จะมีกล้องความละเอียด 12 ล้านพิกเซลเพียงแค่ตัวเดียวก็ตาม นอกจากนี้โหมด Auto ยังโดดเด่นเรื่องการวัดแสงที่แม่นยำและการถ่ายภาพในที่มืดที่ทำได้อย่างน่าประทับใจ พร้อมกันนี้ยังมีระบบป้องกันภาพสั่นไหว Optical + Electronic Image Stabilization และรองรับการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุดที่ระดับ 4K Ultra HD (2160x3840 พิกเซล) อีกด้วย

- กล้องดิจิทัลด้านหลังความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลช Dual-LED, พิกเซลขนาด 1.4 ไมครอน, มีขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/1.8, ระบบการโฟกัสภาพแบบ Laser Autofocus และ Dual Pixel Phase Detection, ระบบป้องกันภาพสั่นไหว Optical + Electronic Image Stabilization และรองรับการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุดที่ระดับ 4K Ultra HD (2160x3840 พิกเซล)

สำหรับอันดับที่ 3 ได้แก่ iPhone X สมาร์ทโฟนรุ่นฉลองครบรอบ 10 ปี iPhone ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์จอไร้ขอบ (edge-to-edge) 5.8 นิ้ว แถมยังใช้จอ OLED เป็นรุ่นแรกของค่าย และนำระบบจดจำใบหน้า (Facial Recognition) เข้ามาใช้งานแทนระบบสแกนนิ้ว Touch ID นอกจากนี้ยังมาพร้อมกล้องคู่ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ที่มีระบบป้องกันภาพสั่น (OIS) ทั้ง 2 ตัว และยังแฝงพลังของ ARKit เอาไว้ทำให้แสดงผล Augmented Reality ได้อย่างสมจริงอีกด้วย

- กล้องด้านหลังแบบคู่ (Dual-Camera) ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล, ใช้งานเลนส์ Wide และ Telephoto, ขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/1.8 และ F/2.4, ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบคู่ (Dual-OIS), ไฟแฟลชแบบ Quad-LED, Optical Zoom, ถ่ายวิดีโอ Slow Motion ได้ในความละเอียดสูงสุดที่ 1080p 240fps

Huawei Mate 10 Pro สมาร์ทโฟนเรือธงจากตระกูล Mate Series รุ่นใหม่ล่าสุดจากค่าย Huawei ที่พร้อมกับดีไซน์จอไร้ขอบแบบ FullView Display 6 นิ้ว ในอัตราส่วน 18 : 9 และที่ขาดไม่ได้คือกล้องคู่จาก Leica ที่คราวนี้อัปเกรดความละเอียดขึ้นเป็น 12+20 ล้านพิกเซล (RGB+Monochrome) พร้อมระบบการโฟกัสภาพแบบ 4 in 1 Hybrid Focus, ระบบ Huawei Hybrid Zoom และระบบการโฟกัสภาพแบบ OIS นับเป็นสมาร์ทโฟนกล้องเทพอีกรุ่นหนึ่งที่โดดเด่นหาตัวจับยากในเวลานี้

- กล้องดิจิทัลด้านหลังแบบคู่ (Dual-Camera) จาก Leica ความละเอียด 12+20 ล้านพิกเซล (RGB+Monochrome) พร้อมระบบการโฟกัสภาพแบบ 4 in 1 Hybrid Focus, ระบบ Huawei Hybrid Zoom และระบบการโฟกัสภาพแบบ OIS โดยที่มีขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/1.6 ทั้งสองเลนส์

iPhone 8 Plus ก็เป็นสมาร์ทโฟนอีกรุ่นหนึ่งที่โดดเด่นด้านการถ่ายภาพโดยมากับกล้องคู่อัปเกรดใหม่ที่มีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล จับคู่เลนส์ Wide และ Telephoto โดยมีขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/1.8 และ F/2.8 มีระบบป้องกันภาพสั่น OIS, ไฟแฟลชแบบ Quad-LED, Optical Zoom และรองรับการถ่ายวิดีโอ Slow Motion ได้ในความละเอียดสูงสุดที่ 1080p 240fps

- กล้องด้านหลังแบบคู่ (Dual-Camera) ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล, ใช้งานเลนส์ Wide และ Telephoto, ขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/1.8 และ F/2.8, ระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS, ไฟแฟลชแบบ Quad-LED, Optical Zoom, ถ่ายวิดีโอ Slow Motion ได้ในความละเอียดสูงสุดที่ 1080p 240fps

Samsung Galaxy Note 8 เป็นสมาร์ทโฟนกล้องคู่ตัวแรกของ Samsung ซึ่งถึงแม้จะเป็นครั้งแรกแต่ก็ทำการบ้านมาดีทีเดียว โดยเป็นกล้องคู่ที่ใช้เทคโนโลยีการโฟกัสภาพแบบ Dual-Pixel พร้อมด้วยระบบกันสั่น Dual OIS และโหมด Dual Capture ที่สามารถ่ายภาพมุมกว้างและมุมปกติได้พร้อมกัน และยังมีฟีเจอร์อื่นๆ ให้ลองใช้งานกันอีกเพียบ

- กล้องด้านหลังแบบคู่ (Dual-Camera) ความละเอียด 12+12 ล้านพิกเซล, ระบบโฟกัสภาพแบบ Dual-Pixel, ใช้เลนส์รับภาพ 2 แบบ คือ Telephoto ขนาดรูรับแสง F/2.4 และ Wide ขนาดรูรับแสง F/1.7, ระบบซูมภาพแบบ Optical Zoom 2x, ระบบป้องกันภาพสั่นไหว (OIS) ทั้งสองเลนส์, ฟีเจอร์ Live Focus สำหรับการถ่ายหน้าชัด-หลังเบลอ และฟังก์ชัน Dual Capture ถ่ายภาพครั้งเดียวได้สองมุม คือ ภาพมุมกว้าง และภาพ Portrait

- ปากกา S Pen ที่รองรับแรงกดได้มากถึง 4,096 ระดับ และป้องกันน้ำในระดับ IP68 ด้วย

แม้ว่า iPhone 8 จะเป็นสมาร์ทโฟนกล้องเดี่ยวแต่ความสามารถในการถ่ายภาพนั้นนับว่าน่าทึ่งทีเดียว โดยมาพร้อมกับกล้อง ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ที่มีขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/1.8 พร้อมกับระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS, ไฟแฟลชแบบ Quad-LED, Optical Zoom และรองรับการถ่ายวิดีโอ Slow Motion ได้ในความละเอียดสูงสุดที่ 1080p 240fps

- กล้องด้านหลังความละเอียด 12 ล้านพิกเซล, ขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/1.8, ระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS, ไฟแฟลชแบบ Quad-LED, Optical Zoom, ถ่ายวิดีโอ Slow Motion ได้ในความละเอียดสูงสุดที่ 1080p 240fps

แม้จะเป็นรุ่นเก่าแต่ติด Top 10 ของ DxOMark ได้ถือว่าไม่ธรรมดา ซึ่งกล้องของ Google Pixel ก็เคยสร้างความฮือฮาให้กับวงการสมาร์ทโฟนมาแล้วตั้งแต่เปิดตัวโดยได้รับการการันตีว่าเป็นกล้องที่ดีที่สุดในโลกในช่วงปลายปี 2016 ซึ่งทำงานได้ดีในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น การวัดแสง, ความคมชัด, รายละเอียดของภาพ, สีสันของภาพ และที่สำคัญที่สุดก็คือการถ่ายภาพในที่แสงน้อยที่ทำได้ดีกว่ารุ่นอื่นๆ ในขณะนั้่น แต่เมื่อเวลาผ่านไปเรือธงรุ่นใหม่ๆ ก็ขึ้นมาแทนที่ด้วยเทคโนโลยีที่ดีกว่า แต่ Google Pixel ก็ยังไม่หลุดโผจาก 10 อันดับแรก

- ตัวเครื่องใช้วัสดุ และดีไซน์แบบ Aluminum Unibody และ Polished Glass ที่บริเวณด้านหลัง

HTC U11 มีผลคะแนนสูงถึง 90 คะแนนเทียบเท่ากับ Google Pixel ซึ่งกล้องของ HTC U11 นั้นนับว่าทำได้ดีใกล้เคียงกับ Pixel ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ Dynamic Range, การวัดแสง, รายละเอียด, การถ่ายภาพในที่แสงน้อย, การลด Noise และค่า White Balance ที่ปรับได้ค่อนข้างแม่นยำ แต่น่าเสียดายที่กระแสความนิยมไม่ดีเท่าที่ควรทำให้ไม่ค่อยถูกพูดถึงมากนัก

- กล้องด้านหลัง UltraPixel ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล, ขนาดเม็กพิกเซล 1.4 ไมครอน, ขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/1.7, ระบบป้องกันภาพสั่นไหว (OIS), ไฟแฟลชแบบ Dual-LED, บันทึกวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดในระดับ 4K Ultra HD และบันทึกวิดีโอแบบ Slow Motion ที่ความละเอียด Full HD 1080p 120fps

- ฟีเจอร์ Edge Sense ที่รองรับการบีบด้านข้างตัวเครื่องเพื่อใช้งานเป็น Shortcut เข้าสู่แอปพลิเคชัน หรือการเปิด-ปิดฟังก์ชันต่างๆ

- รองรับการใช้งานแบบซิมการ์ดเดี่ยว หรือ 2 ซิมการ์ด (Dual-SIM) (ขึ้นอยู่กับประเทศที่วางจำหน่าย) โดยรุ่นซิมเดี่ยวสามารถรองรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงบนเครือข่าย 4G LTE ด้วยความเร็วสูงสุดถึง 1Gbps ขณะที่รุ่น 2 ซิมการ์ดจะมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 800Mbps

- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 7.0 Nougat ซึ่งถูกครอบทับด้วย HTC Sense

ปิดท้ายทำเนียบ Top 10 ของ DxOMark ประจำเดือนมีนาคม 2018 ด้วย Vivo X20 Plus น้องใหม่ที่เพิ่งจะเปิดตัวไปไม่นาน ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนที่มีฟีเจอร์ต่างๆ ครบเครื่องในตัวรวมไปถึงระบบปลดล็อคด้วยใบหน้าที่ใช้เวลาประมวลผลเพียง 0.1 วินาทีเท่านั้น และยังมีรุ่น UD ที่สามารถสแกนนิ้วใต้หน้าจอได้ซึ่างถือเป็นนวัตกรรมใหม่ของวงการ นอกจากนี้ใน Vivo X20 ยังได้ใช้ระบบประมวลผลภาพที่พัฒนาขึ้นเองในชื่อ Vivo Cube อีกด้วย

- ตัวเครื่องมีขนาด 155.32x80.09x7.45 มิลลิเมตร

- หน้าจอแสดงผลแขนาด 6.43 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ (1080x2160 พิกเซล)

- ชิปเซ็ตประมวลผล Octa-Core Qualcomm Snapdragon 660 ที่มีความเร็ว 2.2 GHz

- หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 512

- หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4GB

- หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 128GB พร้อมรองรับการ์ดหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD สูงสุดที่ขนาด 256GB

- กล้องดิจิทัลด้านหลังแบบคู่ (Dual-Camera) ความละเอียด 12+5 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลช LED โดยมีขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/1.8 และระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ OIS

- กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 12 ล้านพิกเซล โดยมีขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/2.0

- แบตเตอรี่ความจุ 3905 mAh

- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 7.1.1 Nougat ซึ่งถูกครอบทับด้วย Funtouch OS 3.2

- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือภายใต้หน้าจอ (Under Display Fingerprint Scanner)

- ฟังก์ชันการจดจำใบหน้า (Facial Recognition)

- รองรับการใช้งานบนเครือข่าย 4G LTE

- รองรับการใช้งานพร้อมกัน 2 ซิมการ์ด (Dual-SIM)

- รองรับระบบเสียงระดับ Hi-Fi และชิปประมวลผลเสียง ES9318 DAC

- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac และ Bluetooth 5.0

- รองรับการเชื่อมต่อแบบ microUSB 2.0

จากสมาร์ทโฟน 10 อันดับข้างต้นน่าจะทำให้เราได้เห็นทิศทางของเทคโนโลยีสมาร์ทโฟนในปี 2018 กันบ้างไม่มากก็น้อย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทางทีมงานก็ต้องขอย้ำสักเล็กน้อยว่า เพราะการใช้งานสมาร์ทโฟนสักหนึ่งเครื่องนั้นก็ขึ้นอยู่กับความชอบของผู้ใช้เองเป็นสำคัญ ถ้าหากผู้ใช้คิดว่าสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ ก็สามารถถ่ายภาพได้ตรงใจ และเป็นภาพที่เราต้องการได้แล้ว ก็ถือว่าสมาร์ทโฟนรุ่นนั้นเหมาะสมต่อการใช้งานแล้วครับ

Write a Comment